เมื่อลูกเป็นหวัดและมีอาการคัดจมูก การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ เป็นวิธีทำความสะอาดโพรงจมูกที่พ่อแม่หลายคนเลือกใช้ เพราะเด็กอาจไม่สามารถสั่งน้ำมูกออกเองได้หมด การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือจะช่วยกำจัดน้ำมูกข้นเหนียวที่ค้างอยู่ ทำให้โพรงจมูกสะอาดและหายใจได้สะดวกขึ้น
เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรก มลพิษ และสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในโพรงจมูกที่เป็นสาเหตุของอาการคัดจมูก การล้างจมูกเป็นการใช้อุปกรณ์พ่นน้ำเกลือเข้าสู่โพรงจมูก จาม น้ำมูกไหล ช่วยลดการอักเสบของโพรงจมูก ป้องกันการลุกลามของเชื้อโรคจากจมูกและไซนัสขึ้นไปหูชั้นกลางหรือลงไปสู่ปอด และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่เยื่อบุจมูกอีกด้วย
ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือให้ลูกน้อยอย่างไรดี
โดยส่วนใหญ่แล้วอุปกรณ์ที่ใช้ในการล้างจมูกประกอบด้วยภาชนะสะอาดสำหรับรองใส่น้ำเกลือ การล้างจมูกมีหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีอาจใช้อุปกรณ์ที่ต่างกันไปบ้าง กระบอกฉีดยาพลาสติกหรืออุปกรณ์ฉีดพ่นน้ำเกลือสำเร็จรูปสำหรับล้างจมูก และน้ำเกลือ ซึ่งพ่อแม่อาจผสมน้ำเกลือใช้เองหรือเลือกใช้น้ำเกลือสำเร็จรูปที่วางขายทั่วไปได้ นอกจากนี้ ควรมีอุปกรณ์ดูดน้ำมูกสำหรับดูดน้ำมูกและเสมหะในการล้างจมูกให้เด็กเล็ก
ทั้งนี้ พ่อแม่สามารถล้างจมูกให้ลูกได้เมื่อลูกอายุ 2 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นวัยที่ผู้ปกครองสามารถควบคุมการใช้อุปกรณ์ล้างจมูกกับเด็กได้ โดยใช้เทคนิคล้างจมูกให้ลูกตามช่วงวัย ดังนี้
เด็กที่ให้ความร่วมมือและสั่งน้ำมูกได้
การใช้น้ำเกลือที่ไม่ได้อุ่นก่อนล้างจมูกอาจทำให้เกิดอาการคัดจมูกหลังการล้างได้ พ่อแม่ควรอุ่นน้ำเกลือก่อนการล้างจมูกเสมอ โดยนำขวดน้ำเกลือใส่ลงไปแช่ในน้ำเดือดประมาณ 5 นาที แล้วเทน้ำเกลือใส่ภาชนะสะอาด หรือเทน้ำเกลือจากขวดน้ำเกลือใส่ภาชนะสะอาดแล้วนำไปอุ่นในไมโครเวฟ จากนั้นทดสอบอุณหภูมิของน้ำเกลือโดยหยดลงบนหลังมือก่อนนำมาล้างจมูก เพื่อไม่ให้อุณหภูมิสูงเกินไป และล้างจมูกด้วยวิธีดังนี้
- ให้เด็กยืนบริเวณอ่างล้างหน้า หรือใช้ภาชนะอย่างชามหรือกะละมังมารองรับน้ำเกลือหลังล้างจมูก
- ให้เด็กแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย สอดปลายกระบอกฉีดยาในรูจมูกข้างหนึ่ง ค่อย ๆ ฉีดน้ำเกลือครั้งละประมาณ 0.5–1 ซีซีหรือเท่าที่เด็กทนได้
- ในระหว่างฉีดน้ำเกลือให้เด็กกลืนน้ำเกลือที่ไหลลงคอเป็นระยะหรือบ้วนทิ้ง
- ให้เด็กสั่งน้ำมูกพร้อม ๆ กันทั้งสองข้าง โดยไม่ควรอุดรูจมูกอีกข้าง และใช้กระดาษทิชชูซับน้ำมูกให้แห้ง
- ทำเช่นเดิมกับรูจมูกอีกข้างหนึ่ง และสามารถล้างจมูกซ้ำหลาย ๆ ครั้งจนไม่มีน้ำมูกหลงเหลือ
เด็กเล็กที่ยังสั่งน้ำมูกเองไม่ได้
ฉีดน้ำเกลืออย่างระมัดระวัง โดยอุ่นน้ำเกลือให้มีอุณหภูมิที่เหมาะสม ทารกและเด็กเล็กเป็นวัยที่ไม่สามารถสั่งน้ำมูกได้เอง จึงควรใช้วิธีหยดน้ำเกลือหรือค่อย ๆ และล้างมือให้สะอาดก่อนล้างจมูกให้เด็ก จากนั้นเทน้ำเกลือใส่ขวดยาหยอดตา หรือใช้กระบอกฉีดยาดูดน้ำเกลือจนเต็ม ให้เด็กนอนลง โดยวางศีรษะสูงพอควรเพื่อป้องกันการสำลัก หากเด็กไม่ให้ความร่วมมือให้ใช้ผ้าห่อตัวเด็ก ซึ่งจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บจากการล้างจมูกได้
สอดปลายกระบอกฉีดยาเข้าไปในรูจมูกข้างหนึ่งโดยวางปลายกระบอก จับใบหน้าเด็กให้นิ่ง ค่อย ๆ หยดน้ำเกลือครั้งละ 2–3 หยด หรือค่อย ๆ ฉีดยาชิดด้านบนของรูจมูก ค่อย ๆ ฉีดน้ำเกลือครั้งละประมาณ 0.5 ซีซี
จากนั้นใช้ลูกยางแดงดูดน้ำมูกในจมูกออก โดยสอดปลายลูกยางเข้าไปในรูจมูกลึกประมาณ 1–1.5 ซม. เพื่อดูดน้ำมูกเข้ามาในอุปกรณ์ดูดน้ำมูก และบีบน้ำมูกในอุปกรณ์ดูดน้ำมูกทิ้งในกระดาษทิชชู สามารถทำซ้ำได้จนกว่าจะไม่มีน้ำมูกค้างอยู่
อย่างไรก็ตาม พ่อแม่หลายอาจประสบปัญหาการล้างจมูกด้วยวิธีข้างต้น ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิมที่อาจมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ลูกไม่ให้ความร่วมมือเพราะกลัวกระบอกฉีดน้ำเกลือที่มีรูปร่างคล้ายเข็มฉีดยาหรือกลัวน้ำเกลือที่พุ่งแรงจากการใช้กระบอกฉีด รวมไปการใช้กระบอกฉีดอาจทำให้น้ำเกลือไม่ทั่วถึงทั้งโพรงจมูก จึงอาจทำให้ไม่สามารถชำระล้างน้ำมูกหรือสิ่งสกปรกในโพรงจมูกได้หมด
ในปัจจุบันจึงมีชุดอุปกรณ์อีกแบบที่ช่วยให้การล้างจมูกเป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยจะประกอบด้วยน้ำเกลือปราศจากเชื้อ และขวดบรรจุน้ำเกลือที่มีขนาดพอเหมาะจับถนัดมือ ซึ่งช่วยให้ควบคุมทิศทางและความแรงของน้ำเกลือได้ดีกว่าการล้างจมูกแบบเดิม จึงสามารถชะล้างน้ำมูกหรือสิ่งสกปรกในโพรงจมูกออกได้อย่างทั่วถึงและสะอาดขึ้น ถือเป็นอีกทางเลือกให้การล้างจมูกลูกไม่ใช่เรื่องยุ่งยากและทำได้อย่างปลอดภัย

ข้อควรระวังในการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือให้ลูกน้อย
การล้างจมูกอย่างถูกวิธี และใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้การล้างจมูกให้ลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการล้างจมูกให้เด็กมีข้อควรระวังที่พ่อแม่ควรเอาใจใส่เป็นพิเศษ ดังนี้
- เลือกใช้น้ำเกลือปราศจากเชื้อ และควรเลือกน้ำเกลือขวดใหม่หรือชนิดผสมใหม่ครั้งต่อครั้ง เพื่อความสะอาดและปลอดภัย โดยน้ำเกลือสำหรับล้างจมูกควรมีความเข้มข้นของโซเดียมคลอไรด์อยู่ที่ 0.9% เนื่องจากเป็นระดับความเข้มข้นที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองบริเวณเยื่อบุโพรงจมูก และไม่มีส่วนผสมของสารอื่น เช่น สารแต่งสีและกลิ่น หรือวัตถุกันเสีย เนื่องจากสารเหล่านี้อาจทำให้ระคายเคืองเยื่อบุโพรงจมูกได้
- ไม่ควรใช้น้ำประปาล้างจมูก เพราะอาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคอื่น ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคติดเชื้อรุนแรงได้
- การล้างจมูกควรใช้น้ำเกลือในปริมาณเพียงพอต่อการล้างในแต่ละครั้ง และใช้อุปกรณ์ฉีดน้ำเกลือที่มีความแรงพอเหมาะ เพราะการฉีดพ่นน้ำเกลือแรงเกินไปอาจทำให้ลูกได้รับบาดเจ็บต่ออวัยวะในโพรงจมูกหรือด้านหลังโพรงจมูกได้
- หากใช้กระบอกฉีดน้ำเกลือที่มีความแรงเกินไปแล้วทำให้ลูกตกใจกลัวหรือรู้สึกเจ็บ คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกใช้อุปกรณ์ฉีดพ่นน้ำเกลือในรูปแบบขวดบีบที่สามารถควบคุมแรงดันของน้ำเกลือได้ดีและไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ
- ภาชนะที่ใช้ให้สะอาดด้วยน้ำสบู่และน้ำสะอาด หลังการใช้งานทุกครั้งควรล้างกระบอกฉีดล้างจมูก ลูกยางแดง และควรต้มลูกยางแดงในน้ำเดือดวันละ 1 ครั้ง นาน 5 นาที เมื่อแห้งแล้วจึงเก็บเข้าที่
- น้ำเกลือที่ใช้เหลือหลังล้างจมูกในแต่ละครั้งให้เททิ้ง ไม่ควรนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อความปลอดภัยในการล้างจมูกและป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อน
- หากน้ำเกลือหมดอายุหรือมีลักษณะผิดปกติ เช่น มีตะกอนขุ่นและมีสิ่งสกปรกอยู่ภายในขวด ควรทิ้งและเปลี่ยนขวดใหม่
ทั้งนี้ แนะนำให้ล้างจมูกก่อนรับประทานอาหาร ควรล้างจมูกให้ลูกอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าและก่อนเข้านอนหรือเมื่อลูกมีน้ำมูกมาก หรือหลังรับประทานอาหารแล้วอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการอาเจียนหรือสำลัก
โดยทั่วไป การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือมักไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย แต่ไม่ควรล้างจมูกด้วยน้ำเกลือติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจทำลายเมือกที่ปกป้องโพรงจมูกในการปกป้องและดักจับเชื้อโรคได้ หากลูกคัดจมูกติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาอย่างเหมาะสม
ใครบ้างที่ต้องแนะนำให้ล้างจมูก
- ผู้ที่เป็นไซนัสอักเสบ จำเป็นต้องล้างจมูกเพื่อระบายน้ำมูก ที่ค้างอยู่ในโพรงจมูกและไซนัส
- สำหรับผู้ป่วยภูมิแพ้และผู้ป่วยทั่วไปอาจล้างเมื่อมีอาการคัดจมูก มีน้ำมูก น้ำมูกไหลลงคอ หรือจาม
- ล้างก่อนใช้ยาพ่นจมูก หรือตามคำแนะนำของแพทย์
อุปกรณ์ที่ใช้ในการล้างจมูก
- น้ำเกลือปราศจากเชื้อ 0.9% Sodium Chloride
- หลอดฉีดยา (Syringe) ขนาด 5-50 มิลลิลิตร ขึ้นอยู่กับอายุและขนาดของผู้ป่วย
- อุปกรณ์เสริมอื่นๆ เช่น ภาชนะรองน้ำ กระดาษทิชชู่ แก้วสะอาด และจุกล้างจมูก
ขั้นตอนการล้างจมูก
- ก้มศีรษะเล็กน้อยเหนืออ่างล้างหน้าหรือภาชนะรองน้ำ ยูฟ่า วางหลอด Syringe ยืนหรือนั่งในท่าที่สะดวก แนบเข้าไปในรูจมูก แล้วค่อยๆฉีดน้ำเกลือให้ไหลเข้าไปในรูจมูกอย่างช้าๆ ในระหว่างนี้แนะนำให้ผู้ป่วยอ้าปาก หายใจทางปาก หรือให้ส่งเสียงว่า “อา” โดยที่พยายามไม่กลืนน้ำลาย
- เมื่อน้ำเกลือไหลเข้าไปถึงโพรงจมูกส่วนหลัง เพดานปากจะมีปฏิกิริยาปิดโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเกลือไหลออกทางปาก น้ำเกลือจะไหลออกทางรูจมูกอีกข้างหนึ่ง ซึ่งจะช่วยไปชะล้างเอาน้ำมูกและสิ่งสกปรกต่างๆ ออกมาด้วย
- บางครั้งน้ำเกลือบางส่วนอาจไหลผ่านลงคอ และผู้ป่วยอาจจะกลืนเข้าไปได้ ซึ่งไม่ทำให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด
- ระยะเวลาที่ใช้ในการล้างจมูกขึ้นอยู่กับปริมาณความหนาแน่นของน้ำมูกที่อยู่ในโพรงจมูก และขนาดของโพรงจมูก แนะนำให้ล้างจนไม่มีน้ำมูกออกมาอีก
- ให้ทำกระบวนการนี้ซ้ำสำหรับจมูกอีก 1 ข้างด้วย
- ใช้กระดาษทิชชูสั่งน้ำเกลือที่คงเหลืออยู่ในจมูกออกมาให้หมด อย่างไรก็ตามบางครั้งหลังการล้างจมูก อาจมีน้ำเกลือหลงเหลืออยู่ในโพรงจมูก ซึ่งน้ำเกลือส่วนนี้จะค่อยๆ ละลายน้ำมูกให้ไหลออกมาได้อีก ในบางครั้งน้ำเกลืออาจไหลไปถึงโพรงไซนัสและอาจหยดออกมาทางตาได้บ้าง ซึ่งไม่เป็นอันตรายจึงไม่ต้องวิตกกังวล กรณีนี้สามารถช่วยลดโอกาสเกิดได้โดยการฉีดน้ำเกลือเบาๆ และช้าๆ
- ก้มหน้าเล็กน้อย หรืออยู่ในท่าศีรษะตรง
- สอดปลายกระบอกฉีดยาเข้าไปในรูจมูกข้างที่จะล้าง โดยวางปลายกระบอกฉีดยาชิดรูจมูกด้านบน
- หายใจทางปากหรือกลั้นหายใจ
- ฉีดน้ำเกลือเข้าไปในจมูก จนน้ำเกลือและน้ำมูกไหลออกทางปาก หรือไหลย้อนออกมาทางจมูกอีกข้าง
- สั่งน้ำมูกพร้อมๆ กันทั้งสองข้าง (ไม่ต้องอุดรูจมูกอีกข้าง) บ้วนน้ำเกลือ และน้ำมูกส่วนที่ไหลลงคอทิ้ง บ้วนเสมหะในคอออก
- ทำซ้ำหลายๆ ครั้งในแต่ละข้างจนไม่มีน้ำมูกออกมา
(หมายเหตุ: วิธีนี้ต้องใช้น้ำเกลือล้างจมูกจำนวนมาก)
ข้อควรระวังในการล้างจมูก
- ควรใช้น้ำเกลือ“ปราศจากเชื้อ”
การล้างจมูก ควรใช้น้ำเกลือ 0.9% Sodium Chloride ชนิดปราศจากเชื้อเพื่อความปลอดภัย ป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อนโดยเฉพาะในไซนัส และความเข้มข้นขนาดนี้จะไม่ระคายเคืองโพรงจมูก
- ห้ามใช้ “น้ำเปล่า” ล้างโพรงจมูก
เนื่องจากน้ำเปล่า ไม่สมดุลกับน้ำในเซลล์ร่างกาย หากใช้น้ำเปล่าจะทำให้เกิดอาการสำลัก และแสบในโพรงจมูก รวมถึงมีโอกาสติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้ - ไม่ควรฉีดน้ำเกลือแรง
การฉีดน้ำเกลือเข้าจมูกแรงๆ อาจทำให้โพรงจมูกเกิดการระคายเคือง หรืออักเสบได้ - สั่งน้ำมูกเบาๆ
นอกจากจะไม่เป็นผลดีต่อโพรงจมูกแล้ว หลังการล้างจมูก ควรสั่งน้ำมูกและเช็ดจมูกเบาๆ การสั่งน้ำมูกแรง ๆ ยังอาจทำให้เกิดอาการหูอื้อ หรือหูอักเสบได้ ขณะสั่งน้ำมูกไม่ควรอุดรูจมูกข้างใดข้างหนึ่ง ควรสั่งพร้อมๆกันทั้ง 2 ข้าง - การใช้ยาพ่นจมูก
หากต้องใช้ยาพ่นหลังล้างจมูก ควรรอให้โพรงจมูกแห้งก่อน อย่างน้อย 3-5 นาที จึงค่อยพ่นยา - ผู้ที่รูจมูกอุดตัน
หากมีรูจมูกอุดตันด้านใดด้านหนึ่งตลอดเวลา ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการล้างจมูก - การล้างจมูกในเด็ก
ควรล้างจมูกก่อนรับประทานอาหาร การล้างจมูกในเด็กสามารถทำได้อย่างปลอดภัยตามแนะนำของแพทย์ หรือดื่มนม เพื่อป้องกันการสำลัก สำหรับเด็กเล็ก (เด็กที่สั่งน้ำมูก หรือกลั้นหายใจไม่เป็น) ไม่แนะนำล้างโพรงจมูก แต่หากมีน้ำมูกให้ใช้วิธีหยดน้ำเกลือที่รูจมูก ข้างละ 2 หยด เพื่อช่วยให้น้ำมูกมีความข้นเหนียวลดลง หลังจากนั้นค่อยใช้ลูกยางแดง ดูดทั้งน้ำมูกและน้ำเกลือออกทันที